วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Jabra Clipper


โทรศัพท์มือถือที่ออกมาให้ยลโฉมในปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะค่ายไหนฟีเจอร์ที่เป็นมาตรฐานที่ต้องมีเลยก็คือเครื่องเล่นเพลง หูฟังจึงกลายเป็นอุปกรณ์เสริมที่จำเป็นต้องมีติดตัวกันแทบจะทุกคนเลย และทางเจ้าแห่งฟันฟ้า (BlueTooth) Jabra จึงได้ส่งเจ้า CLIPPER มาเป็นคู่ใจคนที่รักการฟังเพลง
วันนี้เลย ขอแนะนำน้องใหม่หูฟังบลูทูธรุ่น “Jabra CLIPPER Wireless Music and Calls ” เป็นชุดหูฟัง บลูทูธสเตอริโอ แบบ Clip โดยมีคุณภาพเสียงที่ดี มาพร้อมชุดหูฟังแบบ In Ear ที่ป้องกันเสียงรบกวนรอบข้างอย่างมีประสิทธิภาพ ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และสามารถถอดเปลี่ยนได้ สามารถสลับระหว่างการเปิดเล่นเพลงและใช้สายอัตโนมัติ ควบคุมการเปิดเล่น/หยุดชั่วคราว ข้ามแทร็ค ปรับระดับเสียงได้จากตัวเครื่อง สนทนาและฟังเพลงต่อเนื่อง 6 ชั่วโมง, เปิดรอรับสายได้นานถึง 192 ชั่วโมง น้ำหนักเบาเพียง 20 กรัม รองรับการใช้งาน A2DP,AVRCP และ HSP,HFP Profile นอกจากนี้ยังเป็นบลูทูธเวอร์ชั่น 2.1 EDR
แค่คุณสมบัติเบื้องต้นก็น่าสนใจมากมายแล้ว ที่นี้เราลองมาดูเรื่องการออกแบบที่ทำออกมาได้โดนใจเหลือเกิน สีดำเรียบ ดีไซเท่ห์ ทำให้รู้สึกได้ว่านี่มันไม่ใช่แค่บลูทูธที่เอาไว้ฟังเพลงได้หรอกนะนี่มันคือเครื่องประดับชิ้นเอกที่ฟังเพลงได้ต่างหาก อย่าว่าแต่เอามาฟังเพลงเลยแค่พกไว้ก็เท่ห์แล้ว สำหรับผู้หลงใหลเสียงเพลง ไม่ควรพลาดการเป็นเจ้าของ น้องใหม่รุ่น “Jabra CLIPPER Wireless Music and Calls” ด้วยประการทั้งปวง

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

SONY VIAO P










เราจะเรียกเจ้าเครื่องนี้ว่าอะไรดีล่ะ? โน้ตบุ๊คหรอ? ดูจะไม่เพียงพอที่จะนิยามให้กับเจ้า VIAO P (VPCP115KG) ตัวนี้แน่นอน เพราะหาคุณได้รู้ว่ามันทำอะไรได้บ้างแล้วคุณจะทึ่ง ด้วยน้ำหนักเพียงแค่ 618 กรัมและขนาดที่สามารถพกใส่กระเป๋าถือของคุณผู้หญิงทั้งหลาย(ใบเล็กที่คุณผู้หญิงทั้งหลายหนีบไว้ที่รักแร้) มันสามารถทำงานได้เหมือนกับโน้ตบุ๊คทั่วไป ดีไซน์สุดเก๋ในแบบ Sony ที่ทำให้คุณอดใจไม่ไหวที่จะนำออกมาถือโชว์ สะดุดตากับ 4 สีโดนใจทั้ง ส้ม ชมพู ขาว ดำ
VIAO P รุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับความสามารถที่โดเด่นเกินกว่าจะเก็บลงกระเป๋าซ่อนไว้ ด้วย Mobile Grip Style มาพร้อมกับ Touch Pad พิเศษและปุ่ม Mouse ที่ด้านข้างจอทั้ง 2 ด้านที่ให้คุณใช้งานง่ายๆเพียงถือ 2 มือ(คล้ายๆการถือเครื่อง PSP) Accelerometerเซ็นเซอร์ที่ตอบสนองการหมุนของจอภาพทั้งแนวตั้งและแนวนอน ซึ่งทำให้ง่ายในการอ่านเอกสาร หรือหน้าเว็บที่เป็นแบบแนวตั้ง และปุ่มเมาส์ที่อยู่ด้านล่างจะกลายเป็นปุ่มเปลี่ยนหน้าให้ทันที เมื่อใช้งานในแนวตั้ง เหมือนคุณถือหนังสืออ่านอยู่ช่วยปรับหน้าจอให้สามารถหมุนหน้าจอได้เพื่ออ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ได้สะดวกโดยการพลิกตัวเครื่อง หรือช่วยให้ backward หรือ forward เว็บเพจได้โดยการเอียงเครื่องไปทางซ้ายหรือขวาเท่านั้น และทัชแพดที่บริเวณขอบจอด้านขวาและปุ่มเมาส์คลิกซ้ายขวาที่ขอบจอด้านซ้าย ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานเพียงแค่ขยับข้อมือ ก็สามารถเลื่อนดูรูปถ่าย เปลี่ยนหน้าเอกสาร หรือย้อนกลับไปหน้าเว็บที่ต้องการได้ทันที นอกจากนี้ยังมีปุ่มพิเศษต่างๆ เริ่มด้วยปุ่ม “WEB” สำหรับการเข้าสู่หน้าเว็บได้ทันทีแม้จะปิดเครื่องไปแล้ว โดยไม่ต้องบูทเข้า Windows หรือ ปุ่ม ”ASSIST” ที่กดเพียงครั้งเดียวก็สามารถเข้าสู่โปรแกรม VAIO Care เพื่อทำการตรวจสอบ ดูแลรักษา VAIO ให้พร้อมใช้งานได้ดีอยู่เสมอ ปุ่มสุดท้าย “Resolution Change Button” เพียงกดก็สามารถเปลี่ยนความละเอียดหน้าจอจาก 1600 x 800 เป็น 1280 x 600 เพื่อมุมมองที่สบายตามากขึ้น
ไปลองสัมผัสของจริงที่ Shop Sony กันเลยดีกว่า ว่าเจ้า VIAO P รุ่นใหม่นี้จะทำให้ชาว Shoot it จะ Choose it มาพกติดตัวกันได้ไหม?

ถึงเวลาที่ต้องทำ

หลังจากที่เคยเขียนรีวิวให้กับหนังสือเกี่ยวกับโน้ตบุ๊คเล่มหนึ่งแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่สำหรับตัวเรา แต่แล้วก็ต้องกลับมาเขี่ยนรีวิวและบทความไอทีอีกครั้ง เพราะเป็นอีกอย่างที่เราทำได้ ลองมองย้อนกลับไปถึงความรู้สึกที่เราว่ามันไม่ใช่ นั่งคิดอยู่ว่าทำไมตอนนั้นถึงรู้สึกอย่างนั้น และแล้วก็ได้รู้ว่าที่รู้สึกว่าไม่ใช้นั้นมันไม่ได้เกิดจากตัวงาน แต่มันเกิดจากสถานที่ทำงาน ที่ทำงานเดิมผมต้องไปตอกบัตรนั่งโต๊ะแล้วก็เขียนงานมันทำให้ผมรู้สึกอึดอัด แต่ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหนผมก็เขียนงานของผมได้ ผมจึงรู้สึกว่ามันโอเคมากๆเลย และอีกหนึ่งอย่างที่ผมปฏิเสธมานานก็คือการทำบล๊อกและ Social Network เพราะอะไรนะหรอ ผมเคยมี Hi5 และเห็นการคอมเม้นท์ การแอดเพื่อน การอัพเดทสถานะตัวเอง ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกว่า ทำไมต้องบอกใครๆว่า เราทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร แล้วใครเขาอยากรู้ชีวิตของผมกันล่ะ ผมมีมัลติพลาย ไว้แสดงงานที่ถ่ายมา แต่ก็ไม่ค่อยอัพเดท ขี้เกียจมาก แล้วงานก็ไม่เข้า จนกระทั่งผมเริ่มมองหางานที่ใกล้เคียงกับที่ผมสนใจ REporter
ไงล่ะ ซึ่งปกติ ผมก็ไปงานแถลงข่าวด้านไอทีเกือบทุกวัน แล้วผมก็เขียนได้ จึงเริ่มติดต่อเข้าไปยัง นิยสารต่างๆเพื่อเสนองาน แล้วผมจะเอาอะไรไปเสนอล่ะ แบกหนังสือไปนะหรอ ก็พอไหว แล้วมันมีอะไรที่ดีกว่านั้นไหมล่ะ ที่ทำให้เราดูเป็นคนที่อยู่ในวงการไอทีนะมีไหม นั่งคิดอย่างเซ็งเพราะสถานะการบ้านเมืองทำงานหด แล้วก็มีเพื่อนคนหนึ่งจากแดนไกลออนเอ็มพร้อมกับมีลิงค์สีฟ้าๆพ่วงท้ายมา ด้วยอารามที่ไม่มีอะไรทำก็เลยคลิกเข้าไปดูซะหน่อยปรากฏว่ามันเป็นบล๊อกหน้าตาดูเรียบๆ มีเนื้อหาและรูปภาพนิดหน่อย แว๊ปแรกที่เห็นเลยนะ มันโอเคเลย เอาไว้เขียนงาน ให้ลูกค้าดู เลยลงมือสมัครพร้อมกับคิดในใจว่า ทำไมเรานี้ขี้เกียจจังเลย ทั้งๆที่เราก็รู้ว่าเรามีเครื่องมือดีๆแต่ไม่รู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์ ก็รู้อยู่แต่ขี้เกียจ
แล้วด้วยสถานะการณ์หรืออะไรก็แล้วแต่ บวกกับการที่ได้ดูบล๊อกของเพื่อน เลยเกิดบล๊อกนี้ขึ้นมา

ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้ผมทำบล๊อกนี้ ขอบคุณเพื่อนแนทที่มีลิงค์มาให้ดู